เนื้อหา |
---|
พระราชดำรัส
ในโอกาสที่อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นำประธานสหกรณ์การเกษตร และสหกรณ์นิคมทั่วประเทศเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ ศาลาดุสิตดาลัย
วันพฤหัสบดี ที่ 12 พฤษภาคม 2520
“...สหกรณ์นี้เป็นชีวิตจิตใจของตน ถ้าสหกรณ์อยู่ดี แต่ละบุคคลซึ่งเป็นส่วนประกอบของสหกรณ์อยู่ดี ฉะนั้น ความซื่อสัตย์สุจริตในหมู่สหกรณ์ในสมาชิกสหกรณ์นั้น มีความสำคัญเช่นเดียวกันกับร่างกายของแต่ละคน ถ้ามือขวาบอกว่ามือซ้ายไม่ดี แล้วก็ตีมือซ้ายตลอดเวลา จะมีเวลาไปทำงานเมื่อไร เพราะว่าทั้งมือซ้ายมือขวาก็จะต้องทะเลาะเบาะแว้งกัน ก็ไม่มีประโยชน์ หรือขาขวาขาซ้ายจะก้าวพร้อมกัน เพราะว่าบอกว่ามีสิทธิเท่ากัน ขาซ้ายก็บอกว่าเขาจะก้าวก่อน ขาขวาบอกว่าจะก้าวก่อนถ้าเราจามใจร่างกายทดลองดู เราก็ก้นกระแทก ไม่มีทางที่จะเดินไปไหน ฉะนั้นก็ต้องตัดสินใจว่า เราจะก้าวขาซ้ายออกไปก่อน หรือขาขวาออกไปก่อน ถ้ามาพิจารณาอย่างนี้ก็เหมือนกัน สมาชิกสหกรณ์จะต้องตกลงกันว่าใครจะทำอะไร ไม่ต้องทะเลาะกัน...”ในโอกาสที่อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นำประธานสหกรณ์การเกษตร และสหกรณ์นิคมทั่วประเทศเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ ศาลาดุสิตดาลัย
วันพฤหัสบดี ที่ 12 พฤษภาคม 2520

พระราชดำรัส
พระราชทานแก่คณะผู้นำสหกรณ์การเกษตร และสหกรณ์นิคม
ณ ศาลาดุสิตดาลัย
วันพฤหัสบดี ที่ 11 พฤษภาคม 2521
“...การสหกรณ์นี้เป็นวิธีอย่างหนึ่ง และเข้าใจว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด สำหรับให้เกษตรกรทั้งหลายในสาขาต่างๆ ให้สามารถได้ตั้งตัว ได้ก้าวหน้าโดยปลอดภัยที่สุด เพราะเหตุว่าคำว่าสหกรณ์นี้ก็อธิบายง่าย ๆ ก็เป็นการรวมกลุ่มกัน ช่วยให้มีชีวิตรุ่งเรืองขึ้น...”พระราชทานแก่คณะผู้นำสหกรณ์การเกษตร และสหกรณ์นิคม
ณ ศาลาดุสิตดาลัย
วันพฤหัสบดี ที่ 11 พฤษภาคม 2521

พระราชดำรัส
ในโอกาสที่ผู้นำสหกรณ์การเกษตร สหกรณ์นิคม และสหกรณ์ประมง ทั่วราชอาณาจักร
เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ ศาลาดุสิดาลัย
วันพุธ ที่ 11 พฤษภาคม 2526
“...คราวนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ตั้งขึ้นเป็นสหกรณ์ก็เป็นงานที่ยากลำบาก เพราะว่าการอยู่ด้วยกัน ร่วมกันทำงานด้วยกันต้องมีความสอดคล้องกัน ผลประโยชน์ของแต่ละคนอาจจะสอดคล้องกันได้ แต่บางทีผลประโยชน์ก็จะขัดกันได้ ฉะนั้น จะต้องมีการอะลุ่มอล่วยกัน ยกตัวอย่างง่ายๆ ยืนอยู่อย่างนี้แต่ละคนก็มีที่ของตัวที่จะยืน แต่ว่าถ้าไม่ตกลงกันว่าคนหนึ่งจะยืนอยู่แถวหน้า คนหนึ่งยืนอยู่แถวที่สองที่สามเป็นลำดับต่อไป ทะเลาะกันว่าทุกคนต้องมายืนอยู่ข้างหน้า คาจะยืนอยู่ข้างหลัง...”ในโอกาสที่ผู้นำสหกรณ์การเกษตร สหกรณ์นิคม และสหกรณ์ประมง ทั่วราชอาณาจักร
เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ ศาลาดุสิดาลัย
วันพุธ ที่ 11 พฤษภาคม 2526
“...การสหกรณ์นี้ถ้าเข้าใจดีแล้วก็เห็นได้ว่าเป็นวิธีทางเดียวที่จะทำให้มีความเจริญก้าวหน้าของประเทศได้ และต้องเข้าใจว่าเป็นการสหกรณ์เรียนกว่าการสหกรณ์แบบเสรี คือแต่ละคนต้องมีวินัยจริง แต่ว่าไม่อยู่ในบังคับของใครเลย อยู่ในบังคับของวินัยที่ตัวเองต้องเป็นผู้รับรองไม่ใช่สหกรณ์แบบที่วินัยที่แต่ละคนจะต้องตั้งแก่ตนเอง และการตั้งวินัยแก่ตนเองเป็นสิ่งที่ยากกว่าที่จะมีใครมาบังคับ แต่ว่าแม้จะยากกว่าแต่ยั่งยืนกว่า...”
